สมุนไพรขมิ้นชัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น Super food เป็นสมุนไพรในกลุ่มเครื่องเทศที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ เป็นสมุนไพรที่เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์หลายด้าน
หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง หลายเมนูอาหารไทย ก็มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ เช่น ข้าวหมกไก่ ข้าวขมิ้น ไก่บ้านต้มขมิ้น ขนมเบื้องญวน ฯ
ขมิ้นชัน จัดอยู่ในกลุ่มไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี อยู่ในวงศ์เดียวกับขิง มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสูงของต้นประมาณ 30 ถึง 90 เซนติเมตร
มีเหง้าอยู่ใต้ดิน โดยส่วนที่นำมาใช้รับประทานจะเป็นส่วนของเหง้า มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
ชื่ออื่น ๆ ของขมิ้นชันนอกจากจะมีชื่อเรียกว่าขมิ้นชันแล้ว ยังมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว ขมิ้นหยวก คนใต้ก็จะเรียกว่า
ขี้หมิ้น ชาวกะเหรี่ยงจะเรียกว่า สะยอ หรือ ตายอ
สารสำคัญในขมิ้นชัน ขมิ้นชันจะมีสารสำคัญที่มีสรรพคุณทางยาอยู่ 2 กลุ่ม ซึ่งได้แก่ กลุ่มน้ำมันหอมระเหยโมโนเทอร์ปีน (Monoterpene)
และในกลุ่มของสารเคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งมีสารออกฤทธิ์หลัก ก็คือ สารเคอร์คูมิน (Curcumin)
คุณประโยชน์ของขมิ้นชัน
1. บรรเทาอาการกรดไหลย้อน และโรคระบบทางเดินอาหาร
มีงานวิจัยศึกษาเกี่ยวกับขมิ้นชันอยู่มากมาย ที่ให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน ว่าสารเคอร์คิวมิน ที่อยู่ในขมิ้นชันนั้น มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการโรคทางเดินอาหาร บรรเทาอาการกรดไหลย้อน ช่วยรักษาอาการท้องอืดเฟ้อ ลดแผลในกระเพาะ
เนื่องจากสารเคอร์คิวมินมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ และยังช่วยกระตุ้นการหลั่งเมือก ให้มาเคลือบที่กระเพาะอาหาร รวมถึงยังช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร และปกป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งนี้ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบขมิ้นชันกับยาลดกรด พบว่าได้ผลดีเช่นเดียวกัน
ในปัจจุบันได้มีการสกัดขมิ้นชันเป็นผง มีทั้งแบบเม็ดและแบบแคปซูล เพื่อให้สะดวกต่อการรับประทาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หากรับประทานขมิ้นชันแบบแคปซูลไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมน้ำหนัก ไม่ทานอาหารก่อนนอน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยควบคุมการกำเริบของโรคกรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
2. ขมิ้นชัน เป็นความหวังของผู้ป่วยอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ในประเทศไทย มีผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่า 8 ล้านคน และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วที่สำคัญ ค่ายารักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีราคาสูงมาก ทำให้ผู้ป่วยในประเทศไทยไม่ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง
3. ช่วยชะลอและป้องกันโรคพาร์กินสัน
มีงานวิจัยของสารเคอร์คูมินในขมิ้นชัน กับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน พบว่า สารเคอร์คูมินในขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยชะลอและป้องกันภาวะสมองเสื่อม ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันได้ ยังช่วยป้องกันการตายของเซลล์ประสาทโดปามีน และที่สำคัญสารเคอร์คูมินมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ภายในเซลล์ประสาทโดปามีน ซึ่งมีผลออกฤทธิ์ช่วยชะลอและป้องกันการดำเนินของโรคพาร์กินสัน
และได้มีการทดลองกับหนู ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคพาร์กินสัน พบว่า กลุ่มหนูที่รับสารเคอร์คูมิน ก่อนที่จะมีการเหนี่ยวนำให้เป็นโรคพาร์กินสัน มีพฤติกรรมการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย
4. ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
มีงานวิจัยถึงสรรพคุณของขมิ้นชันต่อการลดน้ำหนัก โดยมหาวิทยาลัยแพทย์ในประเทศอิหร่าน จัดให้กลุ่มทดลองตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงอ้วนจำนวน 88 คน กินผงขมิ้นชันวันละ 1 ช้อนชา หลัง 3 เดือนผ่านไป พบว่ากลุ่มที่ทานผงขมิ้นชันวันละ 1 ช้อนชามีน้ำหนักลดลงมากกว่า 1 กิโลกรัม
ขมิ้นชันจะเข้าไปช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด ระดับไตรกลีเซอไรด์ในร่างกาย นอกจากนี้ขมิ้นชันยังมีสารไฟโตสเตอรอล ซึ่งจะเข้าไปทำการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย
5. สารสำคัญในขมิ้นชัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
แม้ในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยัน ว่าสารสกัดจากขมิ้นชันจะสามารถรักษามะเร็งในมนุษย์ได้จริงก็ตาม แต่ได้มีการศึกษาผลของสารสกัดจากขมิ้นชันต่อเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง และผลการศึกษาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงช่วยลดขนาดของเนื้องอก ได้จริง
6. ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด และต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้นแล้วการออกฤทธิ์ของขมิ้นชันจึงสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป โดยคนที่เป็นเบาหวาน จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2-4 เท่า ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ รับประทานขมิ้นชันครั้งละ 3 แคปซูลวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือนต่อเนื่อง ผลการทดลองพบว่า แคปซูลสารสกัดจากขมิ้นชัน ช่วยลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ อีกทั้งยังช่วยลดระดับไขมันรวมในร่างกายได้ด้วย
7. ผงขมิ้นชันช่วยรักษาโรคน้ำกัดเท้า
ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยอีกอย่างหนึ่ง ที่นำสมุนไพรใกล้ตัวอย่างขมิ้นชัน มาช่วยรักษาอาการโรคน้ำกัดเท้าได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำเองได้ง่ายๆที่บ้าน คือนำเหง้าของขมิ้นชัน มาทุบให้มีน้ำ แล้วนำน้ำมาทาบริเวณที่มีอาการน้ำกัดเท้า หรือถ้าใครไม่มีต้นขมิ้นชัน สามารถใช้ขมิ้นชันแบบผง+น้ำสะอาดเล็กน้อย แล้วทาบริเวณที่มีอาการน้ำกัดเท้าได้เช่นเดียวกัน
ไม่เพียงแต่โรคเชื้อราในมนุษย์ คนที่เลี้ยงสุนัขคงทราบกันดีว่า เวลาสุนัขเป็นขี้เรื้อน วิธีการที่ง่ายที่สุด ให้นำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว บางสูตรอาจจะมีกำมะถันเพิ่มเข้าไป แต่หลัก ๆ คือแค่เพียงผงขมิ้นชันและน้ำมันมะพร้าว ผสมรวมกัน แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นโรคเชื้อรา หรือเรื้อน ใช้ได้ทั้งสุนัขและแมว ต้องบอกว่าผลการรักษาจะดีกว่ายาทาเชื้อราของต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญปลอดภัยต่อสุนัขและแมวอีกด้วย
8. บำรุงตับ
ขมิ้นชัน มีคุณประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงช่วยต้านเชื้อรา ไวรัส และลดการอักเสบ และ Curcumin ในขมิ้นชัน ยังมีสรรพคุณในการช่วยขับพิษสะสมในตับ มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูตับ บำรุงตับ และช่วยล้างพิษออกจากตับได้เป็นอย่างดี
มีการทดลองใช้ขมิ้นชันรักษาโรคตับแข็งในหนู ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า หลังจากผ่านไปเป็นเวลา 4 เดือน โรคตับแข็งในหนูที่ได้รับสารสกัดจากขมิ้นชัน มีอาการคงที่ ไม่ลุกลามมากขึ้น
9. บรรเทาอาการปวดเข่า ปวดข้อ
ปัจจุบันสารสกัดขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูล ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดให้ขมิ้นชันแคปซูลเป็นยาแผนปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า เป็นยาสมุนไพรที่สามารถกินทดแทนยาแผนปัจจุบันได้เลย ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีสมุนไพรที่เคยได้รับการขึ้นทะเบียนเช่นนี้มาก่อน
10. ช่วยบำรุงผิว รักษาสิว
ขมิ้นชัน มีสรรพคุณในการช่วยต่อต้านแบคทีเรีย และช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ดังนั้นจึงสามารถใช้ขมิ้นชันเพื่อรักษาสิว รวมถึงผื่นคันต่างๆที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความมันบนใบหน้า โดยสามารถใช้ขมิ้นผง ผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำมะนาวเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นทาลงบริเวณที่เกิดสิวหรือผดผื่น ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น…